1. การจัดวาง ห้องอาหาร ควรอยู่ติดกับห้องรับแขก และ
ห้องนั่งเล่น และต่อเนื่องกับห้องครัว หรือห้องเตรียมอาหารบางบ้าน อาจใช้
ห้องอาหารเป็นส่วนหนึ่งของห้องรับแขกโดยจัดกลุ่มเฟอร์นิเจอร์
รับประทานอาหารไว้คนละด้าน ผนังห้องอาหาร ด้านหนึ่งอาจเปิด
ต่อสู่เฉลียงให้สามารถไปจัดรับประทานอาหารด้านนอกได้
การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ภายในได้แก่ โต๊ะอาหารและ เก้าอี้ ให้คำนึงถึง สมาชิกและ
ประเภทอาหาร ในมื้อเย็นเป็นหลัก
เนื่องจากเป็นมื้อที่ทุกคนในบ้านจะพร้อมหน้าพร้อมตากันมากที่สุด
ประตูระหว่างห้องเตรียมอาหาร
หรือห้องครัวควรเป็นประตูเปิดปิดได้สองทางเพื่อความสะดวกในการลำเลียงอาหาร
และเก็บจาน ที่สำคัญ คือต้องมีพื้นระดับเดียวกัน เพื่อป้องกันการเดินสะดุด
เวลาใช้งาน
2. การเลือกวัสดุและสีห้องทานอาหาร
พื้นควรใช้วัสดุที่ทำความสะอาดได้ง่ายเช่นไม้ปาเก้
กระเบื้องยางหรือวัสดุที่ต่อเนื่องจากห้องอื่น การเลือกใช้สีที่ตื่นเต้น เช่นสีแดงมีผลทำให้อยากรับประทานอาหารมากยิ่งขึ้น แต่ควรใช้เป็นจุดเน้นเล็ก ๆ
โดยไม่ขัดกับส่วนประกอบส่วนใหญ่ภายในห้อง
3. เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวและการตกแต่ง
ควรเลือกใช้โต๊ะอาหารที่มากกว่าจำนวนคนในบ้าน 1-2 คนเพื่อใช้ต้อนรับแขก
โต๊ะที่ใช้มีทั้งโต๊ะกลมและสี่เหลี่ยม
ถ้าผู้ใช้จำนวนมากอาจใช้โต๊ะกลมที่มีแป้นหมุนโดยรอบ
หรือใช้โต๊ะหลายตัวต่อกันสามารถต่อเติมได้ถ้ามีสมาชิกเพิ่มมากขึ้น
ผิวโต๊ะที่ใช้มีหลายประเภทเช่น กระจกใส ไม้ ไม้บุพลาสติกลามิเนต
อาจเพิ่มสีสันให้กับห้องโดยใช้ผ้าปูโต๊ะสีสันต่าง ๆ และสามารถเปลี่ยนรูปแบบได้อีก
หลากหลายด้วย เก้าอี้รับประทานอาหาร
ควรเลือกใช้แบบไม่มีที่ท้าวแขนเนื่องจากใช้พื้นที่มาก
แต่สามารถใช้ในที่นั่งของบุคคลสำคัญในบ้าน เช่น บริเวณหัวโต๊ะ
และควรเลือกให้มีการออกแบบเข้ากับโต๊ะอาหาร
นอกจากนี้ควรมีตู้ติดผนังไว้เก็บอุปกรณ์รับประทานอาหาร
หรือใช้เป็นที่วางอาหารก่อนการเสริฟด้วย
4. แสงในห้องอาหาร
แสงไฟในห้องรับประทานอาหารควรจะนุ่มนวล ไม่สว่างจ้า สามารถมองเห็นอาหารได้ชัดเจน
และเน้นบริเวณที่สำคัญ เช่น ไฟส่องกลางโต๊ะ ไฟส่องรูป ไฟส่องผนัง เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น